การเลือกทำประกันสุขภาพรายปีไม่เพียงแต่ช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เกิดเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ แต่ยังมีข้อได้เปรียบทางภาษีที่หลายคนอาจยังไม่ทราบ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดูว่าประกันสุขภาพรายปีสามารถลดหย่อนภาษีได้หรือไม่ พร้อมเงื่อนไขและวิธีการใช้สิทธิ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ประกันสุขภาพรายปีลดหย่อนภาษีได้ไหม ?
คำตอบคือ “ได้” แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร ซึ่งกำหนดให้ เบี้ยประกันสุขภาพของตนเองสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี ทั้งนี้รวมอยู่ในวงเงินลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตที่ไม่เกิน 100,000 บาท
หมายความว่า หากคุณมีเบี้ยประกันชีวิตอยู่แล้ว เช่น 80,000 บาท คุณสามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพมาใช้ลดหย่อนได้เพียง 20,000 บาทเท่านั้นเพื่อไม่ให้เกินวงเงิน 100,000 บาท
นอกจากนี้ ประกันสุขภาพของ บิดามารดา ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น ต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกินที่กำหนด และต้องจ่ายเบี้ยแทนบิดามารดาโดยตรง
เงื่อนไขสำคัญที่ต้องรู้
- ต้องเป็นกรมธรรม์ที่ได้รับการรับรอง
แผนประกันสุขภาพรายปีที่นำมาลดหย่อนภาษีต้องเป็นประกันที่ได้รับการรับรองจากกรมสรรพากร ไม่ใช่ประกันทุกประเภทที่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้ - ต้องซื้อประกันสุขภาพให้ตัวเอง
เบี้ยประกันสุขภาพที่สามารถนำมาลดหย่อนได้ต้องเป็นเบี้ยที่จ่ายเพื่อคุ้มครองตนเองเท่านั้น หากเป็นของบุคคลอื่น เช่น คู่สมรสหรือบุตร จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ - ต้องมีหลักฐานการจ่ายเบี้ย
กรมสรรพากรอาจขอเอกสารหลักฐานการจ่ายเบี้ยประกัน ดังนั้นคุณควรเก็บใบเสร็จรับเงินและเอกสารกรมธรรม์ไว้ให้ครบถ้วน - ต้องแจ้งบริษัทประกันให้ส่งข้อมูลไปยังกรมสรรพากร
บริษัทประกันที่คุณทำสัญญาต้องแจ้งข้อมูลการจ่ายเบี้ยของคุณไปยังกรมสรรพากร เพื่อให้สามารถตรวจสอบและใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้โดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี
สมมติว่าในปีนี้ คุณจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพรายปี 30,000 บาท และมีเบี้ยประกันชีวิต 80,000 บาท สิทธิ์ที่สามารถใช้ลดหย่อนได้คือ
- เบี้ยประกันสุขภาพใช้ลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท
- รวมกับเบี้ยประกันชีวิต 80,000 บาท เท่ากับ 100,000 บาท ซึ่งไม่เกินวงเงินที่กำหนด
ดังนั้น คุณสามารถนำ 25,000 บาทของประกันสุขภาพไปใช้ลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวน
ควรเลือกประกันสุขภาพอย่างไรให้คุ้มค่าและลดหย่อนภาษีได้ ?
หากคุณต้องการเลือกประกันสุขภาพรายปีที่ใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้ ควรพิจารณา 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
- ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์
เลือกแผนที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และสุขภาพของคุณ เช่น หากเป็นพนักงานออฟฟิศที่ไม่ค่อยมีความเสี่ยง อาจเลือกแผนที่ครอบคลุมค่าห้อง ค่าแพทย์ และค่ารักษาในโรงพยาบาล แต่หากมีโรคประจำตัว ควรเลือกแผนที่คุ้มครองโรคเรื้อรังด้วย - วงเงินเบี้ยประกันที่ไม่เกินเพดานลดหย่อน
หากต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเต็มที่ ควรเลือกแผนที่มีเบี้ยประกันไม่เกิน 25,000 บาท หรือปรับรวมกับเบี้ยประกันชีวิตให้พอดีกับ 100,000 บาท เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด - เลือกบริษัทที่ส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรโดยตรง
บริษัทประกันบางแห่งอาจไม่มีระบบแจ้งกรมสรรพากรโดยอัตโนมัติ ทำให้คุณต้องดำเนินการเอง ดังนั้นควรเลือกบริษัทที่มีระบบนี้เพื่อลดความยุ่งยาก
ประกันสุขภาพรายปีสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี แต่ต้องอยู่ในวงเงินรวมกับเบี้ยประกันชีวิตไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ ควรเลือกแผนประกันที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ และอย่าลืมตรวจสอบว่าบริษัทประกันส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรเพื่อให้สามารถใช้สิทธิ์ได้โดยอัตโนมัติ